ความเป็นมา
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี-มหาวิทยาลัยมหิดล – จังหวัดอำนาจเจริญ
มหาวิทยาลัยมหิดล
มีประสบการณ์ในการทำงานด้านการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
ควบคู่ไปกับการวางแผนใช้ประโยชน์จากพันธุกรรมพืช
ในรูปแบบสหสัมพันธ์วิทยามาตั้งแต่ปี 2551
คณะผู้วิจัยเหล่านี้ทำงานสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ
ในพื้นที่ปกปักพันธุกรรมพืชเขื่อนศรีนครินทร์และเขาวังเขมร จังหวัดกาญจนบุรี
เป็นแผนงานการสำรวจและจัดทำระบบฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ แบบผสมผสาน
ในพื้นที่ปกปักพันธุกรรมพืช
ในพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารีโครงการวิจัยดังกล่าว มีนักวิจัยหลักและผู้ช่วยนักวิจัย
และนักศึกษาระดับ ปริญญาตรี ปริญญาโท
ที่ร่วมดำเนินการและออกภาคสนามร่วมกันในทุกครั้งไม่น้อยกว่า 60 คน
มีองค์ความรู้จำแนกเป็นสาขาต่างๆ เช่น สาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ วิทยาศาสตร์
พฤกษศาสตร์ เภสัชศาสตร์ สาขาเกษตรศาสตร์ชีววิทยา
สาขาการบริหารสิ่งแวดล้อมสัตวแพทยศาสตร์อณูชีววิทยาและพันธุศาสตร์ และสาขาโภชนาการ
เป็นต้น นักวิจัยเหล่านั้นจะนำประสบการณ์ และความรู้เฉพาะด้านของแต่ละท่าน
มาช่วยกันจึงเป็นการสะสมประสบการณ์ทำงาน
ในรูปแบบของเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสนองพระราชดำริตามแผนแม่บท โครงการ อพ.สธ.
ซึ่งมีกิจกรรม 8 กิจกรรม คือ
กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมปกปักพันธุกรรมพืช
กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมสำรวจเก็บรวบรวมพันธุกรรมพืช
กิจกรรมที่ 3 กิจกรรมปลูกรักษาพันธุกรรมพืช
กิจกรรมที่ 4 กิจกรรมอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พันธุกรรมพืช
กิจกรรมที่ 5 กิจกรรมศูนย์ข้อมูลศูนย์ข้อมูลพันธุกรรมพืช
กิจกรรมที่ 6 กิจกรรมวางแผนพัฒนาพันธุ์พืช
กิจกรรมที่ 7 กิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
กิจกรรมที่ 8 กิจกรรมพิเศษสนับสนุนการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
แต่เนื่องจากสภาพความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่และลักษณะของทรัพยากรชีวภาพที่มีความแตกต่างกัน
ทำให้มหาวิทยาลัยมหิดล ต้องใช้การวิจัยและพัฒนาแบบสหวิทยาการ
และใช้หลักการบริการจัดการโครงการแบบบูรณาการควบคู่กันไป
เพื่อให้สอดรับกับโจทย์วิจัย
และความต้องการของชุมชนในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพ ตามแผนแม่บท
ของโครงการ อพ.สธ.
ซึ่งจะช่วยพัฒนาให้เกิดต้นแบบของการทำงานแบบบูรณาการบนพื้นที่จริงที่ใช้ในการศึกษาวิจัย
นอกจากนั้นประสบการณ์การทำงานของคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดลที่ผ่านมา
ได้สะสมต้นทุนต่างๆ ที่ได้จากกระบวนการทำงาน ได้แก่
เครือข่ายการทำงานทั้งนักวิชาการ ชุมชน และหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการทำงาน ฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของทรัพยากร
เอกสารรายงานต่างๆ
รวมทั้งภาพถ่ายความหลากหลายทางชีวภาพที่นักวิจัยได้บันทึกรวบรวมไว้เป็นจำนวนมาก
นอกจากนั้นการเข้าร่วมทำงานร่วมกับโครงการ อพ.สธ. ในพื้นที่ต่างๆ
ทำให้นักวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลมีความเข้าใจในกิจกรรมการดำเนินงานและแผนแม่บทของโครงการ
อพ.สธ. ได้เป็นอย่างดี ทำให้แผนงานฯ
มีความพร้อมของต้นทุนที่สำคัญในการพัฒนาต่อยอดการทำงานด้านการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้แก่
ชุมชน และเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่าย
ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการปกป้องพื้นที่และเกิดความหวงแหนในทรัพยากรท้องถิ่นเกิดขึ้น
เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกในด้านการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชและธำรงพื้นที่ป่าในพื้นที่ให้มีบรรยากาศ
มีดิน มีน้ำ มีอุณหภูมิ และความชื้นที่มีความสมบูรณ์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ต่อไป
จังหวัดอำนาจเจริญนี้มีสภาพความหลากหลายทางชีวภาพมากจังหวัดหนึ่ง
ซึ่งจากการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพในเบื้องต้น
พบว่าพื้นที่ป่าไม้และทรัพยากรอื่นๆ ในจังหวัดอำนาจเจริญ
รวมทั้งพื้นที่บางส่วนของมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ
ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ป่าดงหัวกองและป่าดงบังอี่
ยังคงความหลากหลายอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ทรัพยากรต่างๆ
เหล่านี้กำลังถูกคุกคามทั้งจากประชาชนในจังหวัด และบุคคลจากภายนอก
เพื่อนำไปใช้ประโยชน์แบบขาดความเข้าใจและเห็นแก่ตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ฐานข้อมูลแสดงที่ตั้งของทรัพยากรธรรมชาติ ในด้านของความหลากหลายทางชีวภาพ
ถูกนำไปเผยแพร่ ทำให้ง่ายต่อการเข้าถึง และนำออกไปนอกพื้นที่ได้โดยง่าย
จำเป็นต้องรีบดำเนินการปลูกจิตสำนึกและถ่ายทอดแนวทางปฏิบัติให้ถูกหลักการให้กับเครือข่ายชุมชน
เพื่อนำไปสู่การปกปักพื้นที่อนุรักษ์
และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรพันธุกรรมพืชอย่างยั่งยืน
โดยอาศัยนักวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลในโครงการสำรวจและจัดทำระบบฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบผสมผสาน ในพื้นที่ปกปักพันธุกรรมพืช จังหวัดกาญจนบุรี
ซึ่งได้ตอบรับว่าจะมาช่วยกันอย่างเต็มที่ โดยยึดหลักการใช้พื้นที่ธรรมชาติ
และชุมชนในจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นแหล่งปกปักพันธุกรรมพืช ความหลากหลายทางชีวภาพ
และพัฒนาตำรับยาสมุนไพรท้องถิ่น จากต้นทุนความมั่งคั่งในจังหวัด
การมองเห็นสถานการณ์ และการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน
นำมาวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในอนาคต ด้านการศึกษา ด้านสุขภาพ
ด้านความมั่นคงด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) – มหาวิทยาลัยมหิดล
ศูนย์ประสานงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
มหาวิทยาลัยมหิดล
ได้จัดทำโครงการวิจัยแบบสหสาขาวิทยาเพื่อการถ่ายทอดความรู้ด้านการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรพันธุกรรมจากพืชท้องถิ่น
พื้นที่ศึกษาจังหวัดอำนาจเจริญ
ภายใต้กรอบการดำเนินงานของโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ) โดยมี ผศ.เกษม กุลประดิษฐ์
คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ เป็นหัวหน้าแผนงานวิจัย
มีลักษณะการดำเนินงานโดยอาศัยเครือข่ายภาคประชาชนทำงานตามความชำนาญตั้งแต่ระดับท้องถิ่น
ขึ้นมาจนถึงระดับจังหวัด เครือข่ายงานส่วนราชการ เครือข่ายของผู้นำชุมชน
เครือข่ายสถานศึกษา เครือข่ายสถานศาสนา และเครือข่ายภาคเอกชน
จากแรงขับเคลื่อนของทุกภาคส่วนจนประสบผลสำเร็จ จึงได้จัดตั้ง
“โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) – มหาวิทยาลัยมหิดล
ศูนย์ประสานงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง”เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557
โดยมีศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล นายวีระวัฒน์
ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ และนายพรชัย จุฑามาศ
รองผู้อำนวยการโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯร่วมกัน
เป็นประธานในพิธี ซึ่งศูนย์ประสานงานฯตั้งอยู่ ณ อาคารเรียนรวม
โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล
มีหน้าที่ให้คำแนะนำทางด้านการประสานงานกับเครือข่ายการทำงานทั้งในระดับภูมิภาค
และในส่วนกลาง เพื่อสนองพระราชดำริฯ ด้านการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
และการจัดทำฐานทรัพยากรท้องถิ่น ในระดับตำบล
พัฒนาให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ต่อไปในอนาคต